วิเคราะห์นวนิยายเรื่อง เจ้าชายน้อย

นวนิยาย
เรื่อง เจ้าชายน้อย

ผู้แต่ง : อองตวน เดอ แซงเตก ซูเปรี

แนวคิด

    เจ้าชายน้อย เป็นวรรณกรรมที่สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาและความขัดแย้งต่างๆ  ทั้งความคิดความอ่านและความสงสัยใคร่รู้ของเจ้าชายน้อย  ที่มักจะตั้งคำถามเสมอเมื่อเจอคนบางประเภท  ก็เหมือนกับว่าถ้าเราได้เจอเหตุการณ์แบบนี้เช่นเดียวกับเจ้าชายน้อย ดังนั้นเราควรตั้งคำถามกับตัวเราเองก่อนว่าคนที่เราเจอจะเป็นอย่างไร จะมีลักษณะแบบใด แล้วถ้าคนที่เราพบเจอได้กล่าวอะไร เราก็ควรจะพิจารณาก่อนที่จะเชื่อสิ่งที่คนคนนั้นได้กล่าว

เรื่องย่อ

   การเดินทางของเจ้าชายน้อย เจ้าชายเดินทางจากดาวดวงเล็ก ซึ่งมีภูเขาไฟลูกเล็กๆ ไม่กี่ลูกและดอกกุหลาบผู้แสนเย่อหยิ่งจนทำให้เจ้าชายน้อยสับสนในความสัมพันธ์ เขาออกจากดาวของตนเพื่อเสาะหาความหมายของมิตรภาพ เจ้าชายน้อยได้พบคนมากมาย ทั้งชายขี้เมา นักธุรกิจ พระราชา ชายหลงตัว นักภูมิศาสตร์ และคนจุดโคม คนสับรางรถไฟ คนขายของ แต่ไม่ได้คำตอบ ในที่สุดเจ้าชายน้อยก็มาถึงดาวโลก เขาได้พบสุนัขจิ้งจอกและดอกกุหลาบมากมายที่เหมือนกุหลาบบนดาวของเขา ซึ่งทำให้เขาสับสนหนักขึ้นกับสิ่งที่ตัวเขาพบเจอ แต่แล้วสุนัขจิ้งจอกก็ได้สอนให้เจ้าชายน้อยรู้จักความหมายของมิตรภาพที่เขาเฝ้าค้นหาและก่อนที่จะจากโลกนี้ไปความช่างคิดและความรักที่เขามีต่อดอกกุหลาบบนดาวของเขาก็ทำให้นักบินคนหนึ่งที่เครื่องบินตกกลางทะเลทราย และได้พบเจ้าชายน้อยโดยบังเอิญ ได้สัมผัสมิตรภาพจากเจ้าชายองค์นี้ และนำมาบอกเล่าให้เราได้รู้สิ่งต่างๆ ที่เจ้าชายน้อยเดินทางไปพบจริงๆแล้ว ก็เป็นสิ่งเดียวกับที่เราเจอะเจอในชีวิตประจำวัน คนที่นั่งนับแต่ดาวทั้งวันโดยไม่รู้ว่าการนับหรือแม้แต่ดาวทั้งหมดบนฟ้า มีประโยชน์อะไร พระราชาที่ไม่มีใครให้ปกครอง มุมมองของเจ้าชายน้อยที่มีต่อคนเหล่านี้ทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่าความสุขที่แท้จริงของชีวิตอยู่ตรงไหน เคยมีสักครั้งไหมที่ในชีวิตไม่รู้ว่าทำอะไรบางอย่างไปทำไม  เรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเพื่อนที่เจ้าสุนัขจิ้งจอกสอนเจ้าชายน้อยก็เป็นสิ่งที่จริงเป็นอย่างยิ่ง หรือแม้กระทั่งความรู้สึกของเจ้าชายน้อยกับดอกกุหลาบที่น่าจะเป็นตัวแทนของความรัก

แก่นเรื่อง 

  ตัวละครมีสถานการณ์ที่ต้องเดินทางไปตามดวงดาวต่างๆเพื่อไขความอยากรู้ และสิ่งที่ตัวละครตัวนั้นต้องการจะเจอะเจอในเหตุการณ์ต่างๆเหล่านี้ ทำให้ตัวละครเติบโตขึ้นและพัฒนาความคิดของตนให้ดียิ่งขึ้น

โครงเรื่อง

     เป็นเรื่องของเจ้าชายน้อยที่อาศัยอยู่บนดาวเล็กๆ ที่มีดอกกุหลาบอยู่ดอกหนึ่ง แต่ต้องการค้นพบมิตรภาพเลยตัดสิ้นใจเดินทางไปดาวดวงต่างๆได้ไปพบกับ พระราชา คนหลงตน นักธุรกิจ คนจุดโคม นักภูมิศาสตร์ พนักงานสับรางรถไฟ และสุดท้ายก็ได้พบกับเจ้าสุนัขจิ้งจอกที่ดาวโลก และได้มิตรภาพดีๆ จากเจ้าสุนัขจิ้งจอก

ตัวละคร

เจ้าชายน้อย        : เป็นตัวละครเอกมีลักษณะเป็นคนชอบสงสัย ชอบตั้งคำถาม

เจ้าสุนัขจิ้งจอก       : เป็นสัตว์ที่อยากมีเจ้าของ อยากมีเพื่อนเล่น

พระราชา              : เป็นผู้ที่ชอบใช้อำนาจเหนือเหตุผลเป็นอันดับแรก

คนหลงตัวเอง        : เป็นผู้ที่มีลักษณะนิสัยชอบให้คนอื่นชื่นชม

ดอกไม้ของเจ้าชายน้อย  : มีลักษณะที่เย่อหยิ่ง

ชายขี้เมา        : เป็นผู้ที่มีลักษณะชอบดื่ม เพราะอยากจะลืมอะไรบางอย่าง

นักธุรกิจจอมละโมบ   : เป็นผู้ที่ชอบทำแต่งานเห็นทุกอย่างเป็นตัวเลข เป็นเงิน

คนจุดโคม       : เป็นผู้ที่ไม่ชอบหน้าที่ของตนเองแต่ที่ทำไปเพราะมันคือคำสั่ง

นักภูมิศาสตร์     : เป็นผู้ที่รู้เรื่องภูมิศาสตร์ทุกอย่าง

พนังงานสับรางรถไฟ   : เป็นผู้ที่ไม่ค่อยพอใจกับหน้าที่ของตนเอง

พ่อค้า        : เป็นผู้ที่ขายของที่เล็กๆ แต่ที่เงินมาก

บทสนทนา

เรื่องเจ้าชายน้อย ลักษณะของบทสนทนาในเรื่องจะมีการสนทนาแบบโต้ตอบกัน โดยใช้คำที่มีความหมายที่เข้าใจง่าย เป็นแบบภาษาพูด

ตัวอย่างบทสนทนา 

เจ้าชายน้อย  :  เธอคือใคร? "เธอสวยจัง"

สุนัขจิ้งจอก   :  ฉันคือสุนัขจิ้งจอก

เจ้าชายน้อย  :  มาเล่นกับฉันสิ "ฉันกำลังเศร้าใจมาก..." 

สุนัขจิ้งจอก   :  ฉันเล่นกับเธอไม่ได้หรอก ฉันยังไม่ถูกทำ 

                     ให้เชื่อง

เจ้าชายน้อย  :  ทำให้เชื่องหมายความว่าอะไรนะ?

สุนัขจิ้งจอก   :  มันคือการสร้างความสัมพันธ์...

ฉาก

ดาวดวงที่B612   เป็นดาวที่เจ้าชายน้อยอาศัยอยู่

ดาวดวงที่หนึ่ง    เป็นที่ประทับของพระราชา

ดาวดวงที่สอง    มีชายหลงตนอาศัยอยู่

ดาวดวงที่สาม   เป็นที่อยู่ของนักดื่ม

ดาวดวงที่สี่       เป็นโลกของนักธุรกิจ ชายผู้วุ่นเสียจนไม่มีเวลา

ดาวดวงที่ห้า      เป็นที่อยู่ของคนจุดโคม

ดาวดวงที่หก      เป็นที่อยู่ของนักภูมิศาสตร์

ดาวดวงที่เจ็ด      คือโลกมนุษย์

ในการกล่าวถึงฉาก เรื่องเจ้าชายน้อย จะมีการอธิบายให้เห็นถึงแต่ละฉากได้อย่างชัดเจนว่าตัวนี้อยู่ตรงไหน ฉากตอนนี้มีลักษณะอย่างไร และยังมีภาพประกอบให้เข้าถึงได้ชัดขึ้น อย่างเช่นภาพนี้

 เมื่อเราได้เห็นภาพนี้เราก็สามารถทราบได้เลยว่าภาพนี้เป็นภาพของดาวดวงที่หนึ่งที่มีชายขี้เมานั่งดื่มเหล้าอยู่การที่มีฉากแบบนี้หรือรูปภาพประกอบทำให้หนังสือดูน่าอ่านมายิ่งขึ้น

กลวิธีในการเล่าหรือมุมมอง

เป็นการเล่าเรื่องแบบให้ตัวละครเป็นผู้ดำเนินเรื่อง

ลีลาท่าทางของผู้แต่งและการใช้ภาษา

     มีการใช้ภาษาพูดเข้าใจง่ายและมีคำหรือเป็นประโยคที่มีแง่ให้คิดตามอย่างเช่น

“เราจะมองเห็นแจ่มชัดด้วยหัวใจเท่านั้น สิ่งสำคัญนั้นไม่อาจเห็นด้วยตา”

 “บางครั้ง คำชมจากคนอื่น ไม่สำคัญเท่าความรู้สึกของเราเอง”

วิจารณ์คุณค่า

เรื่องเจ้าชายน้อย จะเห็นได้ว่าผู้เขียนพยายามบอกให้ผู้อ่านได้รับรู้ถึงคุณค่าของบางสิ่งบางอย่างที่เราอาจมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ผู้คนส่วนใหญ่จะรู้คุณค่าของบางสิ่งบางอย่างก็ต่อเมื่อได้สูญเสียสิ่งๆ นั้นไปแล้ว  และเมื่อได้รู้คุณค่าของมันแล้ว ก็จะคิดทบทวนแล้วก็อยากจะกลับไปดูแลทะนุถนอมและเอาใจใส่รับผิดชอบต่อสิ่งๆ นั้น  เรื่องเจ้าชายน้อย ยังเป็นวรรณกรรมที่สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาและความขัดแย้งต่างๆ  ทั้งความคิดความอ่านและความสงสัยใคร่รู้ของเจ้าชายน้อยที่มักจะตั้งคำถามเสมอเมื่อเจอคนบางประเภทก็เหมือนกับว่าถ้าเราได้เจอเหตุการณ์แบบนี้เช่นเดียวกับเจ้าชายน้อย ดังนั้นเราควรตั้งคำถามกับตัวเราเองก่อนว่าคนที่เราเจอจะเป็นอย่างไร จะมีลักษณะแบบใด แล้วถ้าคนที่เราพบเจอได้กล่าวอะไร เราก็ควรจะพิจารณาก่อนที่จะเชื่อสิ่งที่คนคนนั้นได้กล่าว นอกจากนี้เรื่องนี้ สอนให้เรารู้จักการรับผิดชอบหน้าที่ของตนเอง แต่ก็ต้องรับผิดชอบอย่างพอเหมาะ ไม่ใช่ทำแต่หน้าที่ของตนเองจนไม่เห็นเลยว่าคนอื่นจะเดือดร้อนจากการกระทำของตัวเราหรือไม่ และเรื่องนี้พูดถึงมิตรภาพ การที่เราได้มิตรภาพที่ดีหรือความรักที่ดีจากใครนั้น มันจะทำให้เรารู้สึกว่าการใช้ชีวิตของเราเต็มไปด้วยความหวัง ความสุข และภายในหนังสือเล่มนี้ยังมีข้อคิดและอะไรหลายๆ อย่างที่สอนให้เรารู้จักคิด รู้จักที่จะรักและรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตนเองมี  เพื่อไม่ให้สูญเสียสิ่งที่รักไปในเวลาอันสั้น...เพราะบางครั้ง  สิ่งที่อยู่ใกล้ตัวเรามากที่สุดเราก็อาจมองไม่เห็นหากไม่ยอมเปิดใจมองมัน...ดั่งข้อความที่ว่า  

“เราจะมองเห็นแจ่มชัดด้วยหัวใจเท่านั้น สิ่งสำคัญนั้นไม่อาจเห็นด้วยตา”

ข้อคิดอีกข้อหนึ่งที่ฉันประทับใจ “ภาพที่เห็นอาจไม่ใช่อย่างที่เราคิด (เสมอไป)” อ่านข้อความนี้แล้วทำให้ผู้อ่านมีการปรับมุมมองในการมองโลกเสียใหม่ อย่าเพิ่งด่วนสรุปให้ไวเกินไปนัก แต่พยายามมองลึกถึงหลายๆ สิ่งที่ซ่อนเอาไว้ด้วย